วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556

หอไอเฟล Tour Eiffel

หอไอเฟล Tour Eiffel

หอไอเฟล  หอคอยโครงสร้างเหล็กตั้งอยู่บนชองป์ เดอ มารส์ บริเวณแม่น้ำแซน ในกรุงปารีส หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ทั้งยังเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอีกด้วย
หอไอเฟลเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งชื่อตามสถาปนิกผู้ออกแบบ "กุสตาฟ ไอเฟล" ในปี พ.ศ. 2549 นักท่องเที่ยวกว่า 6,719,200 คนได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้และกว่า 200,000,000 คนตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ส่งผลให้หอไอเฟลเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีคนเข้าชมมากที่สุดต่อปีอีกด้วย หอไอเฟลสูง 324 เมตร (1,063 ฟุต) หรือสูงเท่ากับตึก 81 ชั้น
เมื่อหอไอเฟลสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) หอไอเฟลกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกแทนที่อนุสาวรีย์วอชิงตัน และได้ครองตำแหน่งนี้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) ก็ได้เสียตำแหน่งให้แก่ตึกไครส์เลอร์ (319 เมตร หรือ 1,047 ฟุต) ที่เพิ่งสร้างเสร็จ หอไอเฟลเป็นสิ่งปลูกสร้างสูงที่สุดในกรุงปารีส และหากไม่นับรวมเสากระจายคลื่น หอไอเฟลเป็นสิ่งปลูกสร้างสูงที่สุดอันดับสองในฝรั่งเศส รองจากสะพานมีโย
หอไอเฟลมีความสูง 300 เมตร (986 ฟุต) ซึ่งไม่รวม เสาอากาศ 24 เมตร (72 ฟุต) ด้านบนนั้น ถ้าเปรียบเทียบกับตึกแล้วจะมีประมาณ 75 ชั้น ในขณะที่ก่อสร้างปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) หอไอเฟลนั้นเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดบนโลก โดยถูกล้มตำแหน่งเมื่อเมืองนิวยอร์กได้สร้าง ตึกไครส์เลอร์ สูง 319 เมตร (1047 ฟุต)
น้ำหนักเหล็กที่ใช้ก่อสร้างนั้นทั้งหมด 7,300 ตัน และถ้ารวมทั้งหมดก็เป็น 10,000 ตัน ส่วนจำนวนบันไดนั้นเปลี่ยนแปลงตลอด เมื่อแรกเริ่มนั้นมี 1710 ขั้น ในทศวรรษที่ 1980 มี 1920 ขั้น และในปัจจุบัน มี 1665 ขั้น

วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Crêpe ต้นกำเนิดของ “เครป

Crêpe ต้นกำเนิดของ “เครป”

                                                                     Crêpe
ต้นกำเนิดของ “เครป”

 ที่มาของเครปพบว่ามีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานหลายพันปี ความจริงแล้วเราพบอาหารที่คล้ายคลึงใกล้เคียงกับเครปในทุกซีกโลก ไม่ว่าจะเป็นแพนเค้ก นาน ปิต้า โรตี ซึ่งมีส่วนผสมของแป้ง ไข่ น้ำตาล นม เนย แตกต่างกันที่วิธีการนำเสนอและส่วนผสมที่ปรุงแต่งกันเข้าไป
      เครปเป็นขนมที่ประกอบ ด้วยแป้งสาลี ไข่ น้ำตาล นม เนย นำมาผสมกันแล้วจะได้เป็นเนื้อแป้งแล้วเทลงกระทะ จะได้แผ่นแป้งเป็นวงกลม สีเหลืองทองสามารถใส่ไสได้ตามใจชอบทั้งของคาว ของหวานเครปมีลักษณะเป็นวงกลมสีเหลืองทองคล้ายกับดวงอาทิตย์ ใช้ในการเสี่ยงทายของสังคมการเกษตรซึ่งเชื่อกันว่าถ้าไม่ทำเครปใน วัน ลา ฌองเดอเลอร์ (La Chandeleur)” ต้นกล้าของข้าวสาลีก็จะเป็นโรคและเหี่ยวเฉาตายไป ในที่สุด เทศกาลเครปนั้นจะมีเริ่มวันที่ กุมภาพันธ์ พระสันตะปาปา ( Gélase ) เป็นผู้นำประเพณีการกินเครป มีส่วนประกอบ ดังนี้ de la farine , des oeufs , du lait , du sel , du sucre และ du beurre
      เครปในอดีตมีการทาเนย โรยน้ำตาล หรือ ใส่ไส้ด้วยผลไม้ เห็ด เนยแข็ง และ แฮม แต่ปัจจุบันคิดปรับปรุงสูตรใหม่ให้เข้ากับยุคสมัยและความนิยมของคนในประเทศนั้นๆ เครปที่ได้รับความนิยมที่ใส่ไส้มากที่สุด คือ ไข่ ไส้กรอก เห็ด แฮม น้ำพริกเผาและแยมผลไม้รสต่างๆ อีกเมนูคู่ที่เข้ากันอย่างดีเยี่ยม คือ เครปร้อนๆกับไอศครีมเย็นรสวานิลาเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆคน ส่วนคนที่ชอบรับประทานผลไม้ ต้องเป็นเมนู เครปที่มีทั้งกล้วยหอม น้ำผึ้ง วิปปิ้งครีม เครปใส่ลูกพีช ไอศครีมวานิลลาราดด้วยซอสช็อกโกแลต
การรับประทานเครปแบบดั้งเดิมนั้น ต้องมีเครื่องดื่มคู่กันคือ แอปเปิ้ลโซดา กีวี่โซดา เป็นต้น
      จากขนมที่มีส่วนผสมง่ายๆที่ผูกพันกับความเชื่อของสังคมเกษตรกรรม กลายมาเป็นอาหารและขนมที่คนทั้งโลกได้ลิ้มรสและชื่นชอบ ด้วยส่วนผสมพื้นฐานที่หาได้ง่าย ใครๆ ก็ทำกินเองได้ ที่สำคัญคือ สามารถใส่อะไรก็ได้ตามที่ชอบ

วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Château de Versaillesพระราชวังแวร์ซายส์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

                   
                             Château de Versaillesพระราชวังแวร์ซายส์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส


พระราชวังแวร์ซายส์ (ภาษาฝรั่งเศส: Château de Versailles) เป็นพระราชวังหลวงแห่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ที่เมืองแวร์ซายส์ อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปารีส ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของมหานครปารีส พระราชวังแวร์ซายส์เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และสวยงามแห่งหนึ่งของโลก และนับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบันด้วย

ประวัติเดิมนั้น เมืองแวร์ซายส์เป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น มีผู้คนอาศัยอยู่เบาบาง บริเวณส่วนใหญ่เป็นป่าเขา เยี่ยงชนบทอื่น ๆ ของฝรั่งเศส เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ยังทรงพระเยาว์ ขณะพระชนมายุได้ 23 พระชันษา ทรงนิยมล่าสัตว์ในป่า และทรงเห็นว่าตำบลแวร์ซายส์น่าจะเหมาะแก่การประทับเพื่อล่าสัตว์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักขึ้นมาใน พ.ศ. 2167 โดยในช่วงแรกเป็นเพียงกระท่อมเล็กๆ สำหรับพักชั่วคราวเท่านั้น
เมื่อ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ขึ้นครองบัลลังก์ มีประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังแห่งใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองของพระองค์ จึงเริ่มปรับปรุงพระตำหนักเดิมในปี พ.ศ. 2204 ใช้เงินทั้งหมด 500,000,000 ฟรังก์ คนงาน 30,000 คน และใช้เวลาอยู่ถึง 30 ปีจึงแล้วเสร็จในพ.ศ. 2231 ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นแบบอย่างศิลปกรรมที่งดงามมาก ภาย ในแบ่งออกเป็นห้องๆ เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ฯลฯ ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับงดงามตระการตาและภาพเขียนที่มีชื่อเสียง ภายในพระราชวังมีภาพวาด ภาพแกะสลักซึ่งแสดงให้เห็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสหลายสมัยสถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นที่เซ็นสัญญาสงบศึกกับอเมริกาในปี ค.ศ 1783 แวร์ซายส์ นับเป็นส่วนหนึ่งของแรงผลักดันที่ก่อให้เกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่ในฝรั่งเศส เมื่อปี ค.ศ. 1789 ต่อมาในปี ค.ศ. 1815 พระเจ้าหลุยส์-ฟิลิปป์ได้เปลี่ยนสภาพพระราชวังแห่งนี้ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ และใช้เป็นสถานที่ลงนามในสัญญาสงบศึกสงครามโลกครั้งที่ 1 ระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตรกับเยอรมัน เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1919
นอกจากเครื่องประดับที่เก่าแก่ และสูงค่าแล้ว การจัดสวนก็เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่างดงามยิ่งนัก เพราะมีการตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้หลากสีสวยงามมาก โดยเฉพาะตอนฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ส่วนที่เป็นป่าสำหรับล่าสัตว์ปัจจุบันใช้เป็นที่ๆให้ผู้เข้าชมไปเดินเล่น พักผ่อน และมีม้าหินให้นั่งเล่นเป็นระยะๆ
การก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์แห่งนี้ได้นำเงินมาจากค่าภาษีอากรของราษฎร ชาวฝรั่งเศส ต่อมาจึงได้มีกองทัพประชาชนบุกเข้ายึดพระราชวังและจับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระนางมารี อองตัวเนต ประหารด้วย "กิโยติน" ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2332 ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายส์ ได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์และเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแก่ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมความสวยงาม หากนับเวลาตั้งแต่ก่อสร้างเสร็จ พระราชวังแห่งนี้ก็มีอายุยืนนานถึง 300 ปีเศษ ที่ยังคงความงามอยู่ได้โดยไม่เสื่อมคลาย
พระราชวังแวร์ซายส์ได้รับจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 3 เมื่อปี พ.ศ. 2522 ที่ประเทศอียิปต์

วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Vin

vin


ประวัติ

ภาพวาดเกี่ยวกับไวน์ Tacuina sanitatis คริสต์ศตวรรษ 14
เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าไวน์เป็นเครื่องดื่มที่มีมาหลายพันปีแล้ว มีการค้นพบโถโบราณบรรจุเมล็ดองุ่นไร่ซึ่งมีอายุนับเนื่องขึ้นไปกว่า 8,000 ปี ก่อนคริสตกาล
นอกจากที่ประเทศอิหร่านแล้ว ยังมีการพบร่องรอยของเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่ได้จากกรรมวิธีการหมักแบบเดียวกับไวน์ในสมัย 7,000 ปีก่อนคริสตกาล ทางตอนเหนือของประเทศจีน
ในยุคอียิปต์โบราณ การเพาะปลูกองุ่นเพื่อทำไวน์มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบระเบียบมาก เทพต่าง ๆ ในตำนานเทพปกรณัม ทั้งโอซิริสของอียิปต์ เทพไดโอนีซุสของกรีก บัคคัสของโรมัน หรือกิลกาเมชของบาบิโลน ล้วนแล้วแต่เป็นเทพแห่งไวน์ นอกจากนั้น ไวน์ยังเป็นสัญลักษณ์ของพระโลหิตของพระเยซูเจ้าตามความเชื่อทางศาสนาคริสต์ ไวน์มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเป็นอันมากในช่วงสองร้อยปีหลัง ชาวโรมันในสมัยก่อนนั้นดื่มไวน์ที่มีรสฉุนจนต้องผสมน้ำทะเลก่อนดื่ม รสชาติของไวน์ดังกล่าวแตกต่างจากไวน์ในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง
ในสมัยศตวรรษที่ 19 ไวน์ถือว่าเป็นเครื่องดื่มบำรุงกำลัง โดยคนงานที่รับจ้างเก็บเกี่ยวพืชผลจะดื่มไวน์ถึงวันละ 6-8 ลิตร และนายจ้างจะจ่ายไวน์ให้เป็นส่วนหนึ่งของค่าแรง เพราะสมัยนั้นน้ำยังไม่ค่อยสะอาดพอที่จะนำมาดื่มได้

ส่วนประกอบของไวน์

ส่วนประกอบส่วนใหญ่ของไวน์คือแอลกอฮอล์ที่ละลายในน้ำ และส่วนผสมทางเคมีอื่น ๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นสารระเหยและสารไม่ระเหย ทั้งสารละลายและสารแขวนลอย ปกติแล้ว ปริมาณของแอลกอฮอล์จะอยู่ระหว่าง 9-15 เปอร์เซ็นต์ต่อปริมาณน้ำ 85 เปอร์เซ็นต์
แอลกอฮอล์ในไวน์ส่วนใหญ่เป็นเอทิลแอลกอฮอล์ และยังพบตัวทำละลายประเภทกลีเซอรอล ซอร์บิทอล และบูตีแลนกลีคอลด้วย
นอกจากนั้น ไวน์ยังประกอบด้วย

การแบ่งประเภทไวน์

องุ่นสำหรับทำไวน์
ไร่องุ่น
ในหลาย ๆ ประเทศจะแบ่งประเภทไวน์ตามพันธุ์ขององุ่นที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบ และในประเทศฝรั่งเศสมีการแบ่งประเภทไวน์ตามพื้นที่แหล่งผลิตหรือกรู (ฝรั่งเศส: cru) ผู้ผลิต และปีที่ผลิต

พันธุ์องุ่น (ฝรั่งเศส: Cépage / อังกฤษ: Cultivar)

พันธุ์องุ่นดำที่มีชื่อเสียงในการทำไวน์แดงหรือไวน์ชมพู ได้แก่
  • พันธุ์องุ่นหลักของเมืองบอร์โด (Bordeaux)
    • กาแบร์เน-โซวีญง (cabernet-sauvignon)
    • กาแบร์เน-ฟรอง (cabernet franc)
    • แมร์โลนัวร์ (merlot noir)
    • เปอตีแวร์โด (petit verdot)
    • โกตหรือมูร์แวด (cot or mourvede)
  • พันธุ์องุ่นหลักของแคว้นชองปาญ (Champagne)
    • ปีโนนัวร์ (pinot noir)
    • [ขาว] ปีโนเมอนีเย (pinot meunier)
    • [ขาว] ชาร์ดอเน (chardonnay)
  • พันธุ์องุ่นหลักของแคว้นบูร์กอญ (Bourgogne) [โบโชเล Beaujolais]
    • กาเมนัวร์ (gamay noir) หรือกาเมโฟรโอ (gamay freaux)
  • พันธุ์องุ่นหลักของแคว้นลองเกอด็อก-รูซียง (Languedoc Rousillon) [เวเดแอน: แวงดูนาตูแรล VDN: Vin Doux Naturel]
    • ซีรา (syrah)
    • เกรอนาช (grenache)
  • พันธุ์องุ่นหลักของรัฐแคลิฟอร์เนีย (California)
    • ซินฟันเดล (zinfandel) นำมาจากประเทศอิตาลี
พันธุ์ขาว องุ่นที่นิยมนำมาทำไวน์ขาวได้แก่
  • พันธุ์องุ่นหลักของเมืองบอร์โด (Bordeaux) [โซแตร์น, อ็องตร์-เดอ-แมร์, ลูปียัก Sauterne, Entre-deux-mer, Loupiac]
    • โซวีญงบล็อง (sauvignon blanc)
    • เซมียง (sémillon)
  • พันธุ์องุ่นหลักของแคว้นบูร์กอญ (Bourgogne) [ชาบลี, มาร์โซล Chablis, Marsault]
    • ชาร์ดอเน (chardonnay)
    • อาลีโกเต (aligoté)
  • พันธุ์องุ่นหลักของแคว้นเปอีเดอลาลัวร์ (Pays de la Loire) [วูเวร Vouvray]
    • เชอแนงบล็อง (chenin blanc)
  • พันธุ์องุ่นหลักของแคว้นอัลซาซ (Alsace)
    • เกเวือร์ซทรามีเนอร์ (gewürztraminer)
    • ปีโนกรี (pinot gris)
    • รีเอสลิง (riesling)
  • มุสกา (muscat)
    • ซีลวาเน (sylvaner)

วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2556

หอไอเฟล Tour Eiffel

หอไอเฟล  หอคอยโครงสร้างเหล็กตั้งอยู่บนชองป์ เดอ มารส์ บริเวณแม่น้ำแซน ในกรุงปารีส หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ทั้งยังเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอีกด้วย
หอไอเฟลเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งชื่อตามสถาปนิกผู้ออกแบบ "กุสตาฟ ไอเฟล" ในปี พ.ศ. 2549 นักท่องเที่ยวกว่า 6,719,200 คนได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้และกว่า 200,000,000 คนตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ส่งผลให้หอไอเฟลเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีคนเข้าชมมากที่สุดต่อปีอีกด้วย หอไอเฟลสูง 324 เมตร (1,063 ฟุต) หรือสูงเท่ากับตึก 81 ชั้น
เมื่อหอไอเฟลสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) หอไอเฟลกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกแทนที่อนุสาวรีย์วอชิงตัน และได้ครองตำแหน่งนี้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) ก็ได้เสียตำแหน่งให้แก่ตึกไครส์เลอร์ (319 เมตร หรือ 1,047 ฟุต) ที่เพิ่งสร้างเสร็จ หอไอเฟลเป็นสิ่งปลูกสร้างสูงที่สุดในกรุงปารีส และหากไม่นับรวมเสากระจายคลื่น หอไอเฟลเป็นสิ่งปลูกสร้างสูงที่สุดอันดับสองในฝรั่งเศส รองจากสะพานมีโย
หอไอเฟลมีความสูง 300 เมตร (986 ฟุต) ซึ่งไม่รวม เสาอากาศ 24 เมตร (72 ฟุต) ด้านบนนั้น ถ้าเปรียบเทียบกับตึกแล้วจะมีประมาณ 75 ชั้น ในขณะที่ก่อสร้างปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) หอไอเฟลนั้นเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดบนโลก โดยถูกล้มตำแหน่งเมื่อเมืองนิวยอร์กได้สร้าง ตึกไครส์เลอร์ สูง 319 เมตร (1047 ฟุต)
น้ำหนักเหล็กที่ใช้ก่อสร้างนั้นทั้งหมด 7,300 ตัน และถ้ารวมทั้งหมดก็เป็น 10,000 ตัน ส่วนจำนวนบันไดนั้นเปลี่ยนแปลงตลอด เมื่อแรกเริ่มนั้นมี 1710 ขั้น ในทศวรรษที่ 1980 มี 1920 ขั้น และในปัจจุบัน มี 1665 ขั้น

วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

baguette

baguette

                                             บาเกต (ฝรั่งเศส: baguette) หรือ ขนมปังฝรั่งเศส 
บาเกต (ฝรั่งเศส: baguette) หรือ ขนมปังฝรั่งเศส เป็นขนมปังมี ลักษณะรูปทรงเป็นแท่งยาวขนาดใหญ่ เปลือกนอกแข็งกรอบ เนื้อในนุ่มเหนียว และเป็นโพรงอากาศ มักนำมาหั่นเฉียงเป็นแผ่นหนา เพื่อรับประทานกับซุป ปาดเนยสด หรือประกอบทำเป็นแซนด์วิช

Des Muguets



                   
                    Des Muguets
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา บ้านเราเป็นวันหยุด
คือวันแรงงานสากล และที่ฝรั่งเศสก็มีประเพณีเล็กน้อยอย่างหนึ่งที่ฉันว่าน่ารักดี คือ ในวันที่ 1 พฤษภาฯเค้าจะซื้อดอกไม้ชนิดหนึ่งให้กันเพื่อเป็นการอวยพรให้มีความสุขค่ะ และบางทีก็ซื้อให้ตัวเองเอาไว้ประดับบ้านด้วย ดอกนั้นคือดอกมูเก้ (Muguet de mai) หรือแปลตรงตัวว่า มูเก้แห่งเดือนพฤษภาคม

วันแรงงานปีนี้ดันตรงกับวันเสาร์ ถ้าเป็นบ้านเราก็มีการหยุดชดเชยเป็นวันจันทร์อะไรก็ว่าไป เลยเพิ่งจะได้ความรู้ใหม่มาว่า ถ้าวันหยุดดันตรงกับวันเสาร์อาทิตย์เค้าจะไม่มีการหยุดชดเชยให้เลย ถือเอาว่าปีนั้นก็ซวยไป! ปกติแล้วเดือนพฤษภาคมมีวันหยุดตั้งหลายวัน คนฝรั่งเศสจะร่าเริงมีความสุขกันมากกับวันหยุด แต่ปีนี้ยิ่งซวยกว่าเก่าเพราะวันที่ 8 พฤษภาคมก็เป็นวันหยุดเพื่อเฉลิมฉลองการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และก็ดันตรงกับวันเสาร์อีกเช่นกัน!

วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

baguette

                                             บาเกต (ฝรั่งเศส: baguette) หรือ ขนมปังฝรั่งเศส 
บาเกต (ฝรั่งเศส: baguette) หรือ ขนมปังฝรั่งเศส เป็นขนมปังมี ลักษณะรูปทรงเป็นแท่งยาวขนาดใหญ่ เปลือกนอกแข็งกรอบ เนื้อในนุ่มเหนียว และเป็นโพรงอากาศ มักนำมาหั่นเฉียงเป็นแผ่นหนา เพื่อรับประทานกับซุป ปาดเนยสด หรือประกอบทำเป็นแซนด์วิช

วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Coco Chanel

โกโก หรือ กาเบรียล ชาเนล (Gabrielle Bonheur "Coco" Chanel) (19 สิงหาคม พ.ศ. 2426-10 มกราคม พ.ศ. 2514[1]) เป็นนักออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประทินความงามชาวฝรั่งเศส เป็นตัวอย่างนักแฟชั่นในศตวรรษที่ 20 และเป็นผู้ก่อตั้งผลิตภัณฑ์ ชาเนล ของฝรั่งเศสเดิมชื่อ กาเบรียล บาน่า ชาเนล เมื่อเธอเริ่มโตเกิดปัญหาการเงินในครอบครัวเธอจึงต้องไปร้องเพลงในคาเฟ่เพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ วันหนึ่งเธอร้องเพลง กิตาวู โกโก เป็นที่ถูกใจของผู้ฟัง และเรียกร้องให้เธอร้องอีกโดยตะโกนว่า"โกโก ชาเนล" ตั้งแต่บัดนั้นคนก็รู้จักเธอในนาม"โกโก ชาเนล" เธอเริ่มเปิดร้านขายหมวกในปารีสและเริ่มคิดค้นน้ำหอมทั้ง 10 กลิ่นโดยกลิ่นที่เธอชอบและเป็นกลิ่นที่ขายดีที่สุดคือ ชาเนลนัมเบอร์ไฟว์ ชาเนลเป็นผู้ริเริ่มให้ผู้หญิงใส่กางเกงเป็นคนแรก และเธอก็คิดค้นสูทของผู้หญิงมีชื่อเรียกว่า ชาเนลสูท สัญลักษณ์ของ ชาเนล คือรูปดอกคามีเลีย สีขาว เพราะเป็นดอกไม้ที่ชาเนลชอบนำติดตัวไปในงานโชว์เสื้อของเธอโดยเธอมักจะนำมาทัดไว้ที่ผม

วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Louis Vuitton แบรนด์อมตะแห่งฝรั่งเศส

ถ้าจะกล่าวถึงประเทศฝรั่งเศส นอกจากหอไอเฟลที่ทุกคนจะนึกถึงเป็นอันดับต้นๆแล้ว ทิมเบอร์เชื่อว่า"Louis Vuitton" (หลุยส์ วิตตอง) สินค้าแบรนด์ดังสัญชาติฝรั่งเศสก็จะเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ทุกคนนึกถึงเป็นอันดับต้นๆเช่นกัน
เรื่องเล่าของหลุยส์ วิตตอง ว่ากันว่าเกิดจากความบังเอิญในยุคต้นศตวรรษที่19 เมื่อการรถไฟของฝรั่งเศสจะทำการเปลี่ยนหนังหุ้มเบาะในตู้นอนของรถไฟชั้นหนึ่ง จากหนังวัวที่เริ่มจะเปื่อยยุ่ยและชำรุด มาเป็นแผ่นผ้าอาบใยสังเคราะห์ซึ่งถือว่าเป็นวัสดุทันสมัยในยุคนั้น มีความอ่อนนุ่มและทนทานกว่า และยังรักษาความสะอาดได้ง่ายกว่า แผ่นผ้านี้ผู้ผลิตได้ออกแบบลวดลายเป็นลายดอกไม้สี่กลีบในวงกลมสีเหลืองโอ้คบนผืนผ้าสีน้ำตาลเข้มและใช้ตัวอักษรL Vไขว้กันอันเป็นชื่อย่อของเขา แทนที่จะเป็นW Lอันเป็นตัวย่อของคำว่า Wagon Lit ซึ่งหมายถึง “ตู้นอน ” และผ้าที่ว่านี้ได้ผลิตเสร็จเรียบร้อยพร้อมที่จะทำการบุที่นั่งทั้งหมดได้ในทันที หากแต่ข้อผิดพลาดของ Vและ W เป็นอุปสรรคที่ไม่อาจนำผ้าทั้งหมดไปใช้งานได้ แก้ไขก็ไม่ได้นอกจากต้องสั่งผลิตใหม่ทั้งหมด ผ้าจำนวนนั้นจึงถูกระงับโดยมิอาจนำมาใช้ในงานนี้ได้ จำนวนผ้าลวดลายดังกล่าวทั้งหมดที่ถูกปฏิเสธจึงถูกนำไปแปรรูปใช้ในงานอื่นจากโรงงานผู้ผลิต แต่เพื่อมิให้เป็นการสูญเปล่า โดยนำไปใช้หุ้มหีบใส่สัมภาระสำหรับการเดินทางซึ่งแต่เดิมเป็นการใช้หนังวัวหุ้มบนโครงหีบไม้ มีหมุดเหล็กตอกเป็นระยะเพื่อความทนทาน อันเป็นหีบที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในขณะนั้น และใช้ชื่อสินค้าตามชื่อสกุลของผู้ผลิตเป็นเครื่องหมายการค้า และนั่นคือที่มาของชื่อ Louis Vuitton

วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Bonjour Madame

                                                                  Bonjour Madame
                                 Je m'applle Amonrat Aunroen
                               mon petit nom est Sai. j'ai 17 ans